วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ความเชื่อเรื่องตั๋วเครื่องบิน

ความเชื่อที่ว่า จองตั๋วเครื่องบินใกล้วันเดินทาง จะได้ราคาถูกนั้นไม่แน่เสมอไป อาจจะได้ตั๋วเครื่องบินถูก หรือตั๋วเครื่องบินแพงก็ได้
แต่ข้อเสียของการรอให้ใกล้ถึงวันที่จะเดินทางแล้วค่อยจองตั๋วเครื่องบินคือ คุณอาจจะได้ตั๋วราคาแพงกว่ามาก และอาจจะไม่มีที่นั่งในเที่ยวบินที่คุณต้องการ
เนื่องจากที่นั่งราคาพิเศษมีจำนวนจำกัด ทางที่ดี ถ้าได้ราคาที่พอใจ และกำหนดการเดินทางที่แน่นอนการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ประมาณ 45-60 วัน มีโอกาสที่จะได้ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษมากกว่า

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวกรุงปราก

ตอนที่แล้วผมได้พาไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวย่านปราสาทปรากในสาธารณรัฐเชคกันแล้วตอนนี้ผมจะพาไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณ Little Quarter ครับ

การเดินทางไปกรุงปราก สามารถจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน Austrian Airlines บินไปลงกรุงปรากได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงครึ่ง

สถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณ Little Quarter

โบสถ์เซนต์นิโคลัส (Church of St. Nicholas)

โบสถ์นี้เริ่มก่อสร้างในปีค.ศ. 1761 เป็นผลงานการออกแบบชิ้นเอกของสถาปนิกพ่อลูก Christopher เป็นโบสถ์สไตล์บารอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงปราก จุดเด่นของโบสถ์คือการประดับประดาตกแต่งด้วยรูปปั้นและภาพเฟรสโก จุดชมภาพเฟรสโกที่ดีที่สุดในโบสถ์คือ บริเวณโดมที่มีความสูง 70 เมตร รวมถึงสามารถชมทัศนียภาพของเขตเมืองเก่าของกรุงปรากได้บนหอระฆังในช่วงเวลา 18.00 น. ของทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) จะมีการแสดงคอนเสิร์ตภายในโบสถ์ ค่าเข้าชมคอนเสิร์ต 450 คราวน์

โบสถ์เซนต์นิโคลัส (Church of St. Nicholas)

โบสถ์เซนต์นิโคลัสเปิดให้เข้าชมทุกวัน เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 09.00 – 16.00 น. และเดือนมีนาคม – ตุลาคม – เปิดเวลา 09.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม 60 คราวน์ ในส่วนของหอระฆังเปิดให้ขึ้นชมวิวทุกวัน ในเดือนเมษายน – ตุลาคม เวลา 10.00 – 16.00 น. ส่วนเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เปิดให้ขึ้นเฉพาะวันเสาร์อละอาทิตย์ เวลา 10.00 – 17.00 น.

วังชแตนแบร์ก (Sternberg Palace)

วังชแตนแบร์กเริ่มก่อตั้งโดยสมาคมคนรักศิลปะในปีค.ศ. 1796 โดยสมาชิกส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูงที่ยอมให้เอางานศิลปะในครอบครองของตัวเองมาจัดแสดง โดยปัจจุบันวังแห่งนี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

วังชแตนแบร์ก (Sternberg Palace)

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 10.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชม 150 คราวน์

Church of Our Lady Victorious

โบสถ์แห่งนี้เริ่มก่อสร้างในปีค.ศ. 1613 โดยจิออวานนี มาเรีย ฟิลิปปี้ (Giovanni Maria Filippi) เพื่อเป็นโบสถ์ให้กับนิกายเยอรมันลูเธอรัน (German Lutherans) ถือได้ว่าเป็นโบสถ์สไตล์บารอกแห่งแรกในกรุงปราก ในช่วงเริ่มแรกโบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า Church of the Holy Trinity แต่ภายหลังจากการต่อสู้ The Battle of the White Mountain ในปีค.ส. 1620 ชื่อโบสถ์จึงได้เปลี่ยนไปเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะครั้งนั้นและในปีค.ศ. 1628 Polyxena of Lobkovic ได้มอบหุ่นขี้ผึ้ง Infant Jesus ให้กับโบสถ์ โดยมีความเชื่อกันว่าหุ่นขี้ผึ้งนี้มีความสามารถในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และเป็นสิ่งศักดิ์ที่ทำให้ปรากรอดพ้นจากสงครามนับครั้งไม่ถ้วน

หุ่นขี้ผึ้ง Infant Jesus เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้ และเป็นสิ่งศักดิ์ที่ทำให้ปรากรอดพ้นจากสงคราม

สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge)

เขต Little Quarter และเขตเมืองเก่านั้นเชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่โด่งดังที่สุดในกรุงปรากอย่างสะพานชาร์ลส์ โดยสะพานนนี้เริ่มก่อสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ตลอดราวสะพานมีประติมากรรมรูปปั้นนักบุญสไตล์บารอกที่งดงามและไม่ซ้ำกันอยู่ถึง 30 แบบ และเป็นสิ่งที่สะพานชาร์ลส์เป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดใจที่สุดของกรุงปราก

สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge)

รูปปั้นนักบุญจอห์น เนโปมุก หากใครเอามือแตะที่ฐานรูปปั้นแล้วจะโชคดี

จัตุรัสเมืองเก่า (Old Town Square)

จัตุรัสเมืองเก่าตั้งอยู่ใจกลางของจัตุรัสเมืองเก่า เป็นจุดหนึ่งของกรุงปรากที่สวยงามน่าหลงใหล สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในจัตุรัสเมืองเก่าคือศาลาว่าการเมืองเก่า (Old Town Hall) จุดเด่นที่สุดของศาลาว่าการเมืองเก่าคือ หอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่คอยตีบอกเวลาทุกๆ ชั่วโมง โดยหน้าปัดจะบอกวันเวลา โมงยาม และจักรราศีแสดงการเดินทางของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกในสุริยจักรวาล เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา สาวกของพระคริสต์จะออกมาเดินผ่านหน้าต่างเล็กๆ ด้านบนของหอคอยจนครบ 12 องค์ เมื่อนาฬิกาหยุดส่งเสียง หน้าต่างก็จะเลื่อนปิด เป็นอย่างนี้ไปทุกชั่วโมง

หอนาฬิกาดาราศาสตร์

Municipal House

Municipal House ก่อสร้างขึ้นในค.ศ. 1905 – 1911 ภายในฮอลล์ยังเป็นที่ใช้แสดงของวงออร์เคสตราที่หมุนเวียนเปลี่ยนการแสดงอย่างสม่ำเสมอ ด้านล่างตลอดสองฝั่งทางเข้าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟ สามารถเดินทางได้โดยรถรางหมายเลข 4, 14 และ 26 และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเหลือง

อาคารเทศบาล หรือ Municipal House สไตล์อาร์ตนูโว

Church of Our Lady before Tyn

Church of Our Lady before Tyn เป็นอาคารที่โดดเด่นที่สุดบริเวณจัตุรัสเมืองเก่า ด้วยโดมหอคอยแฝดสูงสีดำ โบสถ์แห่งนี้เริ่มก่อสร้างในปี 1365 ด้วยศิลปะแบบโกธิก ต่อมาในศตวรรษที่ 17 ภายในโบสถ์ก็ได้รับการตกแต่งใหม่ด้วยศิลปะแบบบารอก

Church of Our Lady before Tyn

จัตุรัสเวนเซสลาส (Wenceslas Square)

จัตุรัสเวนเซสลาสตั้งอยู่ใจกลางกรุงปรากและเป็นศูนย์กลางของเมือง โดยเป็นส่วนเชื่อมระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่ จัตุรัสแห่งนี้เป็นถนนกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีอนุสาวรีย์ของนักบุญเวนเซสลาสตั้งอยู่ โดยมีฉากหลังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

อนุสาวรีย์นักบุญเวนเซสลาส

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (National Museum)

ตั้งอยู่บนถนนจัตุรัสเวนเซสลาส เริ่มก่อสร้างในปีค.ศ. 1818 เป็นอาคารสไตล์นีโอเรอเนสซองส์ที่ออกแบบโดย Josef Schulz เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเอาวัตถุโบราณและสิ่งต่างๆ ที่ขุดพบในบริเวณกรุงปราก เพื่อแสดงถึงเรื่องราวความเป็นมาของประเทศและการสร้างเมืองปราก

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ของกรุงปราก

โรงละครแห่งชาติ (National Theatre)

โรงละครแห่งนี้ถือเป็นอาคารที่สวยงามที่สุดในกรุงปราก เป็นอาคารที่เป็นตัวแทนของความสามัคคีในชาติ โดยโครงการก่อสร้างนั้นเริ่มขึ้นในช่วงปลายของศตวรรษที่ 19 และมีการระดมทุนจากชาวเชคทุกชนชั้น กระทั่งปีค.ศ. 1881 อาคารสไตล์นีโอเรอเนสซองส์แห่งนี้ก็ได้เปิดการแสดงครั้งแรก

โรงละครแห่งชาติ

Dancing House

ตั้งอยู่หัวมุมถนน Resslova เลียบแม่น้ำวัลตาวา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Ginger & Fred อาคารได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวเชค สร้างขึ้นในช่วงปี 1994 – 1996 เป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นที่ดูขัดแย่งกับสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ตัวอาคารมองดูเหมือนคู่ชายหญิงกำลังเต้นรำ

Dancing House ตัวอาคารเหมือนคู่ชายหญิงกำลังเต้นรำ

จบแย้วครับ...(^_^)


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซย์

http://en.wikipedia.org/wiki/Charles_Bridge

http://en.wikipedia.org/wiki/Wenceslas_Square

http://en.wikipedia.org/wiki/Municipal_House

http://en.wikipedia.org/wiki/National_Museum_(Prague)

http://en.wikipedia.org/wiki/Dancing_House

________________________________________________

ตั๋วเครื่องบิน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naenglencomputer
http://ryusky.exteen.com
http://gotoknow.org/blog/ryusky
http://learners.in.th/blog/ryusky
http://ryuskyt.blog.mthai.com

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวสาธารณรัฐเชค, กรุงปราก

สาธารณรัฐเชค (Czech)

คนโดยทั่วไปจะรู้จักสาธารณรัฐเชคในชื่อเดิมว่า ประเทศเชโกสโลวะเกีย (Czechoslovakia) เนื่องมาจากสาธารณรัฐเชคกับสาธารณรัฐสโลวักในปัจจุบันเคยเป็นเมืองคู่แฝดที่ตั้งอยู่กลางทวีปยุโรป และแยกจากกันเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1993


สาธารณรัฐเชคมีเมืองหลวง ชื่อว่า กรุงปราก (Prague หรือ Praha) เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการไปเห็นมากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปเพราะเสียงเล่าลือถึงความงามและเสน่ห์ของกรุงปราก ทำให้นครแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่กระหายใคร่จะเห็นความงามของยุโรปตะวันออก


การเดินทางไปกรุงปราก สามารถเดินทางโดยจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน Austrian Airlines บินไปลงกรุงปรากได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงครึ่ง


กรุงปราก (Prague หรือ Praha)

กรุงปรากได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในโลก มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1,200,000 คน กรุงปรากเป็นเมืองที่งดงามสถาปัตยกรรมชั้นยอกของทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นโรมาเนสก์ (Romanesque) โกธิก (Gothic) เรอเนสซองส์ (Renaissance) บารอก (Baroque) และอาร์ตนูโว (Art Nouveau) บริเวณที่เป็นเขตเมืองเก่าแก่ที่เป็นที่รวมสุดยอดศิลปกรรมอันเป็นหัวใจของปราก ได้แก่ ย่านปราสาท (Castle District), Little Quarter หรือ Lesser Town ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำวัลตาวา ย่านเมืองเก่า (Old Town) และจัตุรัสเวนเซสลาส (Wenceslas Square) รวมถึงสะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) ที่มีอายุมากกว่า 600 ปี


ปราสาทปราก (Prague Castle)

ปราสาทปรากเป็นสถานที่สำคัญที่สุดในสาธารณรัฐเชค เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศที่ชาวเชครักและภาคภูมิใจ


ปราสาทปรากเริ่มสร้างในศตวรรษที่ 9 ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้าง เช่น พระราชวัง โบสถ์ สวนหย่อม พิพิธภัณฑ์ที่เป็นเสมือนมรดกทางวันฒนธรรมของศิลปะยุคสมัยต่างๆ รวมไว้ด้วยกัน โดยช่วงระยะเวลาหนึ่งที่นี่ได้กลายไปเป็นพระราชวังของราชวงศ์ ปัจจุบันปราสาทปรากได้กลายมาเป็นสถานที่ทำงานของประธานาธิบดี



ปราสาทปราก (Prague Castle)


มหาวิหารเซนต์วิตัส (St. Vitus Cathedral)

ตั้งอยู่ในย่านปราสาทปราก สร้างในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 14 โดยมีสถาปนิกเอกชาวฝรั่งเศส Matthias of Arras ชาวสเวเบีย (Swabian) เป็นผู้ออกแบบและควบคุมดูแลคนต่อมา มหาวิหารสไตล์โกธิกแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมหาวิหารที่มีความประณีตงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่ประตูแกะสลักลวดลายตระการตา กระจกสีสเตนกลาสบานสูงที่ประดับรอบวิหารล้วนยิ่งขับให้มหาวิหารแห่งนี้ดูโดดเด่น



เซนต์วิตัส มหาวิหารสไตล์โกธิกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก



หน้าต่างของมหาวิหารเซนต์วิตัสทำจากกระจกสีสเตนกลาส


เปิดให้ชมฟรีทุกวัน เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 09.00 - 16.00 น. ในวันจันทร์ – เสาร์ และ 12.00 – 16.00 น. ในวันอาทิตย์ ส่วนเดือนมีนาคม – ตุลาคม เปิดเวลา 09.00 – 17.00 น. ในวันจันทร์ – เสาร์ และ 12.00 – 17.00 น. ในวันอาทิตย์


โบสถ์เซนต์เวนเซสลาส (St. Wenceslas Chapel)

โบสถ์เซนต์เวนเซสลาสเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารเซนต์วิตัส ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะในแบบโกธิก ภายในได้รับการตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกและอัญมณีทีค่ากว่า 1,345 ชิ้น นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บพระศพของบรรดากษัตริย์ ในอดีต



ภายในของโบสถ์เซนต์เวนเซสลาส


พระราชวังเก่า (Old Royal Palace)

เป็นอาคารที่ต่อเนื่องมาจากโบสถ์เซนต์วิตัสสร้างขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 9 เพื่อเป็นที่ประทับของราชวงศ์ โดยภายในแบ่งออกเป็นหลายส่วนและหลายชั้น ที่ไม่ควรพลาดเข้าไปเยี่ยมชมคือบริเวณ Vladislav Hall ที่ก่อสร้างด้วยศิลปะของยุคโกธิกที่มีเพดานเป็นลายดอกไม้และกระจกบานสูงแสนงดงาม



Vladislav Hall เพดานลายดอกไม้ศิลปะของยุคโกธิก

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เดือนเมษายน – ตุลาคม เปิดเวลา 09.00 – 17.00 น. และเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เปิดเวลา 09.00 – 16.00 น.


โบสถ์เซนต์จอร์จและคอนแวนต์ (St. George’s Basilica and Convent)

ตัวอาคารเริ่มสร้างขึ้นในปีค.ศ. 920 โดยเจ้าชายวราติสลาฟที่ 1 (Vratislav I) ตัวโบสถ์ด้านนอกเป็นศิลปะสไตล์บารอก แต่ภายในกลับตกแต่งด้วยด้วยสไตล์โรมาเนสก์ที่ให้บรรยากาศเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน โบสถ์เซนต์จอร์จ (St. George’s Basilica) แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นส่วนของปราสาทปรากที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์เชค และในส่วนของเซนต์จอร์จคอนแวนต์ นั้นเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมผลงานสไตล์บารอกและเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Gallery in Prague)



โบสถ์เซนต์จอร์จ (St. George’s Basilica)


ถนนสายทองคำ หรือโกลเดนเลน (Golden Lane)

ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทปราก เป็นถนนสายเล็กๆ ที่ตั้งตามชื่อย่านที่ช่างทำทองเคยอาศัยในวริเวณนี้ช่วงศตวรรษที่ 17 โดยสองข้างทางบนถนนเต็มไปด้วยร้านขายของเล็กๆ สีสันสดใส เริ่มแรกนั้นถนนสายนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของทหารรักษาพระราชวังในสมัยพระเจ้ารูดอล์ฟที่ 2 (Rudolf II) จนกระทั่ง 100 ปีถัดมา ช่างทำทองได้ย้ายเข้ามาและเริ่มดัดแปลงเป็นร้านขายของและที่พักอาศัย ในช่วงศตวรรษที่ 19 พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นชุมชมแออัดที่อยู่อาศัยของพวกคนจน และเต็มไปด้วยอาชญากรรม จนช่วงปีค.ศ. 1950 เจ้าของบ้านที่แท้จริงจึงกลับมาบูรณะซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม ร้านค้าบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องแก้วโบฮีเมียน และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ



ร้านขายของย่านถนนสายทองคำ หรือ Golden Lane


กรุงปรากยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมายครับ โอกาสหน้าผมจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวอื่นๆ ให้รู้จักเพิ่มเติมครับ


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซย์ wikipedia

http://en.wikipedia.org/wiki/Prague_Castle

http://en.wikipedia.org/wiki/St._Vitus_Cathedral

http://en.wikipedia.org/wiki/St._George


และคู่มือนักเดินทางฉบับพกพา


____________________________________________


ตั๋วเครื่องบิน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naenglencomputer
http://ryusky.exteen.com
http://gotoknow.org/blog/ryusky
http://learners.in.th/blog/ryusky
http://ryuskyt.blog.mthai.com

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวเมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา

แวนคูเวอร์ (Vancouver)


เมืองแวนคูเวอร์เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของรัฐบริติชโคลัมเบีย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เป็นประตูของแคนาดาเพียงประตูเดียวทางภาคตะวันตก เป็นบ้านหลังใหม่ของชาวฮ่องกงที่ไม่ต้องการเป็นชาวจีนอีกต่อไป และเป็นฮอลลีวู้ดของอเมริกาตอนเหนือ เป็นจุดเริ่มต้นและลงท้ายของเรือสำราญล่องอลาสกา ฯลฯ นั่นคือสิ่งที่ทำให้โฉมหน้าของแวนคูเวอร์ในวันนี้น่าสนใจ


แวนคูเวอร์เป็นเมืองเล็กๆ ที่ทุกอย่างอยู่เป็นสัดส่วนที่กำลังดี มีถนนสายสำคัญขนาดไม่ยาว (ถนนร็อบสัน) ซึ่งมีร้านกาแฟ ร้านอาหารหรูๆ มีไชน่าทาวน์ มีเมืองเก่า มีโรงละครสไตล์บรอดเวย์ มีอาร์ตแกลเลอรี่ มีตลาด มีที่ช้อปปี้ง มีร้านหนังสือดีๆ ทุกอย่างรวมกันอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ไม่ใหญ่เกินไปแต่ไม่แออัดยัดเยียดเกินไป


การเดินทางไปแวนคูเวอร์สามารถไปได้โดยจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน China Airlines หรือสายการบิน Eva Air ไปเมืองแวนคูเวอร์ได้ ใช้เวลาเดินทาง 16-17 ชั่วโมง


แกสทาวน์ (Gastown)


แกสซี แจ๊ค ดีห์ตัน (Gassy Jack Deighton) อาจจะไม่ได้ตั้งใจสร้างเมืองใหญ่ขนาดแวนคูเวอร์ทุกวันนี้ แต่หลังจากที่เขาเปิดบาร์ให้บริการแก่พวกที่มาทำไม้ไม่นาน ผู้คนก็เริ่มมาสร้างบ้านเรือนร้านค้าใกล้ๆ กับร้านของ ‘แกสซี’ และเรียกชุมชนนี้ว่าแกสซีทาวน์


ทุกวันนี้แกสซีทาวน์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ จุดสนใจในแกสซีทาวน์คือรูปปั้นแกสซี แจ๊ค ยืนทำหน้าเมาไม่สร่าง และก็ยังมีนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่เดินได้ด้วยพลังไอน้ำ ซึ่งจะส่งเสียงพ่นไอน้ำออกมาทุก 15 นาที เขาว่าไปแวนคูเวอร์แล้วไม่มีรูปคู่นาฬิกาไอน้ำหรือแกสซี แจ๊ค เหมือนมาไม่ถึงแวนคูเวอร์



แกสทาวน์ (Gastown)



รูปปั้นแกสซี แจ๊ค ดีห์ตัน (Gassy Jack Deighton) ผู้ให้กำเนิดแกสทาวน์



นาฬิกาไอน้ำโบราณที่โด่งดังของแกสทาวน์


แสตนลีย์ปาร์ก (Stanley Park)


แสตนลีย์ปาร์กอยู่กลางเมืองแวนคูเวอร์โดยเป็นเหมือนเกาะยื่นลงไปในเบอร์ราด อินเล็ต (Burrard Inlet) มีพื้นที่กว้างกว่า 10,000 เอเคอร์ และมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่มากมาย สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1888


นอกจากแสตนลีย์ปาร์กจะเป็นสวนสาธารณะแล้ว แสตนลีย์ปาร์กยังมีภัตตาคาร สนามกอล์ฟ สวนน้ำสำหรับเด็ก



สวนน้ำในแสตนลีย์ปาร์ก


จุดสนใจที่สำคัญในแสตนลีย์ปาร์ก ที่นักท่องเที่ยวอย่างเราจะเข้าไปชมนั้นมักอยู่ที่กลุ่มเสาโทเทม (Totem pole) ที่ตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์เหมือนจะระลึกถึงว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่ของชนพื้นเมืองเก่ามาก่อน



กลุ่มเสาร์โทเทมในสแตนลีย์ปาร์ก สัญลักษณ์ของแวนคูเวอร์


จุดท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของแสตนลีย์ปาร์กก็คือ อควาเรียมหรือสวนสัตว์น้ำ ที่นี่มีพระเอกคือวาฬเพชฌฆาตออร์กา ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำท้องถิ่นก็ว่าได้ เพราะน่านน้ำชายฝั่งนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของฝูงวาฬออร์กา



รูปปั้นวาฬเพชฌฆาตหน้าอควาเรียม สร้างตามแบบศิลปะของชาวพื้นเมืองดั้งเดิม



การแสดงของวาฬเพชฌฆาต พระเอกของอควาเรียม


ในบรรดาสัตว์ทั้งมวลในอควาเรียม นอกจากออร์กาแล้วยังมีวาฬขั้วโลกสีขาวที่เรียกว่า เบลูกา(Beluga) ที่อะควาเรียมแห่งนี้ทีเบลูกา 5-6 ตัว ซึ่งนับว่าเยอะมากกว่าที่อื่น



วาฬเบลูกาจากขั้วโลกเหนือ


เกาะแกรนวิลล์ (Granville Island)


จากดาวทาวน์แวนคูเวอร์ เดินไปถึงริมลำธานฟอลส์ครีก ใช้บริการเรือข้ามฟากอควาบัส ซึ่งเป็นเรือตุ๊ก ตุ๊ก ลำเล็กๆ เหมือนเรือกลเด็กเล่นทาสีรุ้ง ไปเป็นที่ตั้งของเกาะแกรนวิลล์ ซึ่งเป็นตลาดขายของสด ผักผลไม้ อาหารทะเล มีร้านอาหาร มีตลาดงานศิลปะ ตลาดขายของเล่นเด็ก ฯลฯ ทั้งหมดอยู่ในร่มตัวอาคาร ทำให้เดินช้อปปี้อย่างสบายใจในทุกสภาวะอากาศ



เกาะแกรนวิลล์ (Granville Island)



เรือข้ามฟากอควาบัส เหมือนเรือกลเด็กเล่นสีสันสดใส



ภายในตลาดของเกาะแกรนวิลล์


เช่นเดียวกับเกาะแกรนวิลล์ ถ้าข้ามฟากด้วยเรือ Seabus ไปแวนคูเวอร์เหนือ ที่ท่าเรือฝั่งนั้นจะมีตลาดแบบเดียวกันอยู่อีกแห่งหนึ่งชื่อว่า ตลาดลอนสเดล (Lonsdale) มีอาหาร ของสด ของที่ระลึก งานศิลปะ ฯลฯ ให้เลือกซื้อเช่นเดียวกัน เพียงแต่เล็กว่าแกรนวิลล์ราวครึ่งหนึ่งเท่านั้น


จบและคับ......[^_^]



ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซย์


http://en.wikipedia.org/wiki/Gastown


http://en.wikipedia.org/wiki/Stanley_Park


http://en.wikipedia.org/wiki/Vancouver_Aquarium


http://en.wikipedia.org/wiki/Granville_Island



______________________________________________________



จองตั๋วเครื่องบิน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naenglencomputer
http://ryusky.exteen.com
http://gotoknow.org/blog/ryusky
http://learners.in.th/blog/ryusky
http://ryuskyt.blog.mthai.com

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมืองมอนทรีออล (Montreal)


เมืองมอนทรีออล ในประเทศแคนาดา (Canada) อยู่ในแคว้นเคเบกเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ที่สุดของประเทศแคนาดา (ราว 1.2 ล้านคน) และยังติดอันดับเมืองที่มีประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกลองจากปารีส ทำไมแคว้นเคเบกของแคนาดาประชากรส่วนใหญ่จึงพูดภาษาฝรั่งเศส เราก็ต้องย้อนไปพูดถึงตอนที่ชาวยุโรปกำลังล่าอาณานิคม โดยคนที่มาจับจองดินแดนแคว้นเคเบกคนแรกเมื่อปีค.ศ. 1608 คือนายซามูเอล เดอ ชอมแปลง (Samuel de Champlain) ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นชาวฝรั่งเศษ เพียงปีเดียวก่อนหน้านี้ชาวอังกฤษก็ได้ตั้งเมืองแห่งแรกขึ้นในดินแดนที่ต่อมาจนกลายเป็นประเทศสหรัฐฯ


มอนทรีออลเติบโตมาจากอาณานิคมเล็กๆ ทั่งยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของแคนาดาและเป็นเมืองท่าของการคมนาคมที่สำคัญของอเมริกาเหนือด้วย โดยมอนทรีออลเป็นหนึ่งในเมืองท่าในแผ่นดิน (inland port) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


การเดินทางไปมอนทรีออลสามารถไปได้โดยจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน Eva Air ไปลงแวนคูเวอร์ (Vancouver) หรือ ไปลงโทรอนโต (Toronto) แล้วต่อเครื่องด้วยสายการบิน Air Canada ไปลงมอนทรีออล


ในด้านการท่องเที่ยว มอนทรีออลมีทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิประเทศธรรมชาติ กิจกรรมกลางแจ้ง กีฬา ความบันเทิง อาหารการกิน ชีวิตยามราตรี และการช้อปปิ้ง


ดาวน์ทาวน์ของมอนทรีออลเป็นทั้งหัวใจของเมืองและที่รวมความหลากหลายเข้าไว้ ตึงสูงแบบทันสมัยและอาคารกระจกเป็นตัวสะท้อนอาคารเก่าแก่สไตล์วิกตอเรียน หากจะมองหาร้านบูติกหรือโชว์รูมของแฟชั่นสูง อาร์ตแกลเลอรี่ และแสงสียามค่ำคืน นักท่องเที่ยวควรไปที่ถนนเครสเซนต์ (Crescent Street) และถนนพีล (Peel Street) แหล่งช้อบปิ้งอีกย่านที่น่าสนใจคือถนนแซงต์คาเทอรีน (Sainte-Catherine Street) ในเขตพิพิธภัณฑ์ (Museum District)



เซอร์วินสตันผับที่ถนน Crescent Street



ถนนพีล (Peel Street) และ สถานีวินเซอร์ (Windsor Station)



ร้านค้าย่านถนนแซงต์คาเทอรีน (Sainte-Catherine Street)



พิพิธภัณฑ์ Museum District


ที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองมอนทรีออลก็คือเมืองใต้ดิน (Underground City) ที่พื้นที่ 30 กิโลเมตร เต็มไปด้วยบูติก ร้านอาหาร โรงละคร โรงภาพยนตร์ โรงแรม สถานีรถไฟและรถเมล์ คอลเลจและมหาลัย ธนาคาร ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ ออฟฟิศ และที่พักอาศัย ทุกอย่างเชื่อมต่อด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน





เมืองใต้ดินของมอนทรีออลที่มีพื้นที่ถึง 30 กิโลเมตร


ทั้งนี้เมืองมอนทรีออลยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทศกาล ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์มีเทศกาลหิมะ (Snow Festival) เดือนมิถุนายนมีงานแสดงและร้องเพลงของชาติที่พูดภาษาฝรั่งเศสทั่วโลกมารวมกันที่นี่ (Froncofolies of Montreal) ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมมีการประกวดดอกไม้ไฟนานาชาติ (Benson & Hedges International Fireworks) ในเดือนกรกฎาคมมีงานที่จัดได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดคือเทศกาลแจ๊ส (International Jazz Festival) ที่รวมพลคนรักแจ๊สทั่วโลก และกลางเดือนนี้ยังมีงานที่รื่นเริงมากคือเทศกาลแห่งเสียงหัวเราะ (Just for Laughs Festival) ในกลางเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนก็มีเทศกาลภาพยนตร์ (World Film Festival) ที่รวมผู้คนกว่า 350,000 คน มาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีงานเล็กงานน้อยที่สร้างความบันเทิงได้ตลอดปี


จบบริบูรณ์...[^_^]


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซย์


http://en.wikipedia.org/wiki/Crescent_Street


http://en.wikipedia.org/wiki/Peel_Street,_Montreal


http://en.wikipedia.org/wiki/Saint_Catherine_Street


http://en.wikipedia.org/wiki/Underground_City,_Montreal

_______________________________________________


จองตั๋วเครื่องบิน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naenglencomputer
http://ryusky.exteen.com
http://gotoknow.org/blog/ryusky
http://learners.in.th/blog/ryusky
http://ryuskyt.blog.mthai.com

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวนอกเมืองเพิร์ท ตอน มาร์กาเร็ตริเวอร์

มาร์กาเร็ตริเวอร์ (Margaret River)

มาร์การเร็ตริเวอร์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องไร่องุ่นและการผลิตไวน์ ไวน์จากที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นไวน์คุณภาพดีเป็นไวน์ได้รับรางวัลและสินค้าส่งออกของออสเตรเลีย เมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซึ่งชื่อเดียวกัน ภูมิทัศน์ของเมืองมีธรรมชาติสวยงามประกอยด้วยแม่น้ำ ไม้ ทะเล หน้าผา และหาดทราย ริมฝั่งมีถ้ำหินงอกหินย้อยหลายร้อยแห่ง


มาร์การเร็ตริเวอร์เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก ห่างจากเพิร์ทไปทางใต้ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง จุดเด่นของมาร์การเร็ตริเวอร์คือแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั่งการเที่ยวถ้ำและเดินป่า กับการศึกษาชีวิตสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล ถ้ำ Mammoth Caves เป็นถ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาถ้ำหลายร้อยแห่งที่อยู่ตามชายฝั่งเมืองมาร์การเร็ตริเวอร์ ปัจจุบันทางการเปิดถ้ำให้เข้าชมได้เพียง 3 แห่งเท่านั้นคือ Mammoth Cave, Jewel Cave และ Lake Cave


ถ้ำแมมมอธ (Mammoth Cave)

ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติวิน-นาทูรัลลิสต์ ถ้ำแมมมอธอยู่ทางทิศใต้ของมาร์การเร็ตริเวอร์ ห่างจากเมือง 21 กิโลเมตร ถ้ำแมมมอธเป็นถ้ำที่มีหลายคูหา หินงอกหินย้อยในถ้ำมีสีสันสวยงามจึงเป็นถ้ำที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในบรรดาถ้ำทั่งหมดของออสเตรเลีย นอกจากนี้ ถ้ำแมมมอธยังมีฟอสซิลอายุหลายพันปีอยู่ด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมถ้ำได้โดยไม่ต้องมีไกด์ โดยเช่าหูฟังแบบ self-guide audio tour



ถ้ำแมมมอธ (Mammoth Cave)


อุทยานแห่งชาติลีวิน-นาทูรัลลิสต์ (Leeuwin-Naturaliste National Park)


ทิวเขาในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ประกอบด้วยโขดเขาและหน้าผาน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวใสแจ๋วในอ่าวเวแห่วงหลายอ่าว พื้นที่ราบเป็นไร่องุ่นกว้างไกลสุดสายตา ยามเช้ามีหมอกปกคลุมทั่วบริเวณก่อนที่ลำแสงแรกของดวงอาทิตย์จะปรากฏบนขอบฟ้า ทัศนียภาพของทิวเขาสวงงามและถูกถ่ายรูปมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของมาร์การเร็ตริเวอร์


อุทยานแห่งชาติลีวิน-นาทูรัลลิสต์

ชมชีวิตสัตว์ในท้องถิ่น

นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว การเที่ยวชีวิตชมสัตว์ในท้องถิ่นก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นสัตว์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่อ่าวฮาเมลิน (Hamelin Bay) มีโอกาสได้เห็นปลากระเบนในน้ำทะเลที่ใสเหมือนกระจกบ่อยครั้ง คนที่ชอบทะเลจะมีความสุขกับการอาบแดดบนชายหาด ได้เล่นน้ำทะเลและดำดูปะการังหรือจะดำน้ำสำรวจซากเรือจมก็สนุกได้เต็มที่ โดยมีโลมาและแมวน้ำมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ บนบกยังมีสัตว์พื้นเมืองเช่น พอสซัม จิงโจ้ และนกนานาชนิด แถวแม่น้ำมาร์กาเร็ตริเวอร์และแม่น้ำแบล็กวูดล้วนเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของหล่าวหงส์ดำ นกกระสาคอแดง นกกระจิบสีฟ้า นกพิลิแกน นกแมกไพร์ และนกกระตั้วสารพัดชนิด ยิ่งออกไปแถวหัวแหลมลีวินก็จะได้เห็นนกทะเลแปลกๆ เต็มตา เช่น นกเพทเรล นกแกนเน็ต และนกอัลบาทรอส (แร้งทะเล) เป็นต้น


อ่าวฮาเมลิน (Hamelin Bay)

ขอจบเรื่องของมาร์กาเร็ตริเวอร์เพียงเท่านี้ มาต่อที่เที่ยวนอกเมืองเพิร์ทที่อื่นกันเลยดีกว่า

แอดเวนเจอร์เวิลด์ (Adventure World)

แอดเวนเจอร์เวิลด์เป็นสวนสนุก ที่อยู่ห่างจากเพิร์ทไปราว 16 กิโลเมตร พื้นที่ของสวนสนุกกว้างขวางใหญ่โตเท่ากับสนามฟุตบอล 120 สนาม แอดเวนเจอร์เวิลด์มีเครื่องเล่นสารพัดมีทะเลสาบเทียมทั้งหมด 7 แห่ง มีชายหาดและสระว่ายน้ำให้เล่นสนุกกันได้เต็มที่


สวนสนุกแอดเวนเจอร์เวิลด์


หนึ่งในทะเลสาบเทียมของสวนสนุกแอดเวนเจอร์เวิลด์


ศูนย์รักษาพันธุ์สัตว์พื้นเมืองคาเวอร์แชม (Caversham Wildife Park)

คาเวอร์แชมไวลด์ไลฟ์ปาร์กตั้งอยู่ในไวต์แมนปาร์ก (Whiteman Park) เป็นสวนป่าที่มีพื้นที่หากกว่า 4,000 เอเคอร์ซึ่งรัฐออสเตรเลียตะวันตกสงวนไว้เป็นป่าธรรมชาติ และจัดสรรไว้เพื่อเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาและการพักผ่อนของชาวออสเตรเลียตะวันตก ไวต์แมนปาร์กอยู่ชานเมืองเพิร์ทไปทางทิศเหนือ 14 กิโลเมตร


เป็นศูนย์รักษาพันธุ์ฯ ที่รวมสัตว์พื้นเมืองชนิดต่างๆ ของออสเตรเลียกว่า 200 ชนิด มีจำนวนมากถึง 2,000 ตัว เช่น จิงโจ้ วอลลาบี เคาล่า วอมแบต พอสซัม แทสเมเนียนเดวิล ฯลฯ


คาเวอร์แชมไวลด์ไลฟ์ปาร์ก (Whiteman Park)

เอวอนวัลเลย์ (Avon Valley)

เอวอนวัลเลย์อยู่ทางทิศตะวันออกของเพิร์ทเป็นระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร เอวอนวัลเลย์มีภูมิประเทศเป็นวิวสวยงาม ประกอบด้วยเนินเขา ป่า และแม่น้ำ เป็นแหล่งที่มีดอกไม้ป่างามสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ


วิวเอวอนวัลเลย์

ป่าหินพินนาเคิลส์ (Pinnacles)

ทะเลทรายพินนาเคิลส์ตั้งอยุ่ในอุทยานแห่งชาตินัมบุง (Nambung National Park) ซึ่งอยู่ห่างจากเพิร์ทไปทางเหนือราว 250 กิโลเมตร เป็นสถานที่ซึ่งธรรมชาติสร้างสรรค์ภูมิทัศน์อันงดงามแปลกตา ป่าหินปูนโผล่ขึ้นมากลางทะเลทราย แท่งหินปูนนี้มีหลายขนาด ทำให้ภูมิประเทศบริเวณป่าหินขรุขระเหมือนผิวโลกพระจันทร์


ป่าหินพินนาเคิลส์ (Pinnacles)


เวฟร็อก (Wave Rock)

หินลูกคลื่นเวฟร็อกเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่ง ตั้งอยู่ห่างจากเพิร์ทตะวันออกราว 340 กิโลเมตร อยู่ที่เมืองไฮเดน (Hyden) ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ผาหินสูงถึง 15 เมตร ยาวประมาณ 100 เมตร มีลักษณะเหมือนเกลียวคลื่นที่กำลังม้วนตัวขึ้นมากลางทะเล บริเวณใกล้กับกองหินประหลาดจะมีถ้ำ ภายในมีภาพวาดของชาวอะบอริจินส์ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้ก่อนที่ชนผิวขาวจะมาตั้งถิ่นฐานในซีกโลกนี้


หินลูกคลื่นเวฟร็อก (Wave Rock)

การท่องเที่ยวในออสเตรเลียตะวันตกมีหลายเส้นทางด้วยกัน ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวว่าอยากไปเที่ยวแบบไหน สำหรับหารเดินทางนั้นก็เลือกได้ว่าจะใช้แบบไหน มีทั้งไปกับทัวร์และเช่ารถสำหรับไปเที่ยวเองหรือทางจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ประหยัดเวลาและเที่ยวได้ทั่วรัฐก็กำลังเป็นที่นิยม


ขอจบเรื่องเกี่ยวกับเมืองเพิร์ทเพียงเท่านี้ก่อนครับ


ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชม Blog และขอบคุณสำหรับทุก Comment ที่กล่าวทักทายด้วยครับ


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซย์ wikipedia


http://en.wikipedia.org/wiki/Margaret_River,_Western_Australia


http://en.wikipedia.org/wiki/Leeuwin-Naturaliste_National_Park


http://en.wikipedia.org/wiki/Hamelin_Bay,_Western_Australia


http://en.wikipedia.org/wiki/Adventure_World


http://en.wikipedia.org/wiki/The_Pinnacles_(Western_Australia)


http://en.wikipedia.org/wiki/Wave_Rock


_______________________________________________


จองตั๋วเครื่องบิน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naenglencomputer
http://ryusky.exteen.com
http://gotoknow.org/blog/ryusky
http://learners.in.th/blog/ryusky
http://ryuskyt.blog.mthai.com

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวนอกเมืองเพิร์ท ตอน ฟรีแมนเทิล

ฟรีแมนเทิล (Fremantle)

เมืองฟรีแมนเทิล อยู่ห่างจากเพิร์ทเพียง 15 กิโลเมตร ฟรีแมนเทินได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ 2 ของรัฐ เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของออสเตรเลียตะวันตก ชาวออสซี่เรียกสั้นๆว่า ฟรีโอ (Freo) ท่าเรือฟรีแมนเทิล (Fremantle Port) ตั้งอยู่ปากแม่น้ำสวอน


สถานที่เที่ยวในฟรีแมนเทิลมีมากมายหลากหลายทั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ หอศิลป์ ตลาดนัด โรงงานช็อกโกแลต ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเกาะรอตต์เนสต์ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับฟรีแมนเทิลมากที่สุด เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงด้านท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มายังฟรีแมนเทิลมากขึ้น



Round House and Whaler’s Tunnel


ราวนด์เฮาส์เป็นอาคาร 12 เหลี่ยม ตั้งอยู่สุดถนนไฮ (High Street) ด้านตะวันตก วัฌ๑สดา 10 Arthur Head เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลียตะวันตกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1831 อาคารโบราณอายุร้อยกว่าปีหลังนี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์บนเนินสูงเหนือหาดบาเธอร์ส (Bather Beach) จุดประสงค์ในการสร้างที่นี่คือใช้เป็นที่คุมขังนักโทษในสมัยก่อนต่อมาเมื่อมีคนอพยพมาอยู่มากขึ้นจึงมีการสร้างคุกใหม่คือเรือนจำฟรีแมนเทิล (Fremantle Prison) ที่เดอะเทอร์เรซ (The Terrace) ระหว่างทศวรรษที่ 1850



ราวนด์เฮาส์ ที่คุมขังนักโทษในสมัยก่อน

พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ออสเตรเลียตะวันตก (Western Austrailan Maritime Museum)อาคารสมัยใหม่ตั้งอยู่ที่วิกตอเรียคีย์ (Victoria Quay) เดินพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า Maritime Museum ได้รับการตั้งชื่อใหม่ดังกล่าว โดยรวมเอา Shipwreck Museum ที่ถนนคลิฟฟ์ (Cliff Street) กับ Maritime Museum และ Submarine Oven ที่วิกตอเรียคีย์เข้าไว้ด้วยกัน

พิพิธภัณฑ์การเดินทางทางทะเล หรือ Shipwreck Galleries แสดงเรื่องราวของประวัติศาสตร์การเดินเรือของชาติต่างๆ ที่มายังทะเลตะวันตกของออสเตรเลีย


พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ออสเตรเลียตะวันตก

เรือนจำฟรีแมนเทิล (Fremantle Prison)
ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่ซึ่งเคยเป็นคุกเก่าที่ใช้ขังนักโทษในอดีตอย่างเรือนจำฟรีแมนเทิลได้กลายเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเพิร์ทและฟรีแมนเทิล

เรือนจำฟรีแมนเทิลเป็นผลงานการก่อสร้างชิ้นสุดท้ายที่อาศัยแรงงานนักโทษในช่วงทศวรรษที่ 1850 เป็นเรือนจำขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างซับซ้อนตามแบบคุกเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ห้องขันแต่ละห้องมีผนังหนาทำด้วยหินปูนบางห้อง บนผนังมีภาพวาดฝีมือของนักโทษที่ต้องโทษนานๆ ประเภทถูกขังลืม ซึ่งวาดขึ้นตามจินตนาการต่างๆ นานา



เรือนจำฟรีแมนเทิล





ภาพวาดบนผนังในห้องเรือนจำของนักโทษที่ต้องโทษเป็นเวลานาน


ศูนย์ศิลปะฟรีแมนเทิล (Fremantle Arts Centre)

ตั้งอยู่เลขที่ 1 ถนนฟินเนอร์ตี (Finnerty Street) เป็นอาคารโบราณสถาปัตยกรรมโกธิกยุคโคโลเนียล สร้างขึ้นโดยแรงงานนักโทษระหว่างปีค.ศ. 1861-1868 ศูนย์ศิลปะฯ เป็นสถานที่สำหรับแสดงงาสนศิลปะและวัฒนธรรมกับจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนการสอนศิลปะและการแสดงนิทรรศการ กับเป็นสถานที่สำหรับแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชาวออสเตรเลีย ทั้งยังเป็นที่จัดงานเทศกาลเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆ



ศูนย์ศิลปะฟรีแมนเทิล


ตลาดฟรีแมนเทิล (Fremantle Market)

เป็นตลาดนัดสุดสัปดาห์ที่มีชื่อเสียงของฟรีแมนเทิลด้วยความหลากหลายของสินค้าและผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ตลาดฟรีแมนเทิลอยู่ที่เซาท์เทอร์เรซเป็นตลาดเก่าแก่มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ในตลาดมีสินค้าจำหน่ายทุกอย่าง ตั้งแต่อาหาร ขนม ผักสดและผลไม้ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า งานศิลปะ หนังสือ เครื่องดนตรี ไปจนถึงเครื่องเรือนของเก่าและวัตถุโบราณที่หายาก




ตลาดฟรีแมนเทิล


เกาะรอตต์เนสต์ (Rottnest Island)

เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยูห่างจากชายฝั่งของฟรีแมนเทิล 19 กิโลเมตร เกาะรอตต์เนสต์เป็นแหล่งท่องเที่ยวนอกฝั่งฟรีแมนเทิลที่มีคนนิยมไปเที่ยวมาก เพราะมีหาดทรายชายทะเล มีโรงแรมและรีสอร์ตครบครัน เหมาะกับการไปพักผ่อน เล่นน้ำ ตกปลา ดำน้ำ และขี่จักรยานเที่ยว การเดินทางไปเกาะรอตต์เนสต์จากฟรีแมนเทิลมีเรือเฟอร์รี่ไประยะทางไม่ไกลนัก และสามารถท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้

การเดินทางไปยังเกาะรอตต์เนสต์ โดยเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะรอตต์เนสต์มีทุกวัน วันละหลายเที่ยวตลอดปี นักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะคนละ 12 เหรียญ เด็ก 1 เหรียญ ค่าธรรมเนียมนี้คิดรวมกับค่าเรือเฟอร์รี่แล้ว ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 90 นาที การเดินทางโดยจองตั๋วเครื่องบิน ไปยังเกาะรอตต์เนสต์คือเครื่องบิน Rottnest Air Taxi บินจากสนามบินจันดากอต (Jandakot Airport) ในเพิร์ทไปยังสนามบินรอตต์เนสต์ (Rottnest Airport) ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 15 นาที ค่าโดยสารเครื่องบินคนละ 80 เหรียญ




เกาะรอตต์เนสต์

เรื่องหน้าไปจะพารู้จักกับเมืองมาร์กาเร็ตริเวอร์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องไร่องุ่นและการผลิตไวน์ เป็นเมืองที่มีความน่าสนใจไม่แพ้เมืองอื่นเลยครับ


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซย์

http://en.wikipedia.org/wiki/Fremantle,_Western_Australia


http://en.wikipedia.org/wiki/Fremantle_Prison


http://en.wikipedia.org/wiki/Fremantle_Arts_Centre


http://en.wikipedia.org/wiki/Fremantle_Markets


http://en.wikipedia.org/wiki/Rottnest_Island

___________________________________________________



จองตั๋วเครื่องบิน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naenglencomputer
http://ryusky.exteen.com
http://gotoknow.org/blog/ryusky
http://learners.in.th/blog/ryusky
http://ryuskyt.blog.mthai.com