วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวสาธารณรัฐเชค, กรุงปราก

สาธารณรัฐเชค (Czech)

คนโดยทั่วไปจะรู้จักสาธารณรัฐเชคในชื่อเดิมว่า ประเทศเชโกสโลวะเกีย (Czechoslovakia) เนื่องมาจากสาธารณรัฐเชคกับสาธารณรัฐสโลวักในปัจจุบันเคยเป็นเมืองคู่แฝดที่ตั้งอยู่กลางทวีปยุโรป และแยกจากกันเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1993


สาธารณรัฐเชคมีเมืองหลวง ชื่อว่า กรุงปราก (Prague หรือ Praha) เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการไปเห็นมากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปเพราะเสียงเล่าลือถึงความงามและเสน่ห์ของกรุงปราก ทำให้นครแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่กระหายใคร่จะเห็นความงามของยุโรปตะวันออก


การเดินทางไปกรุงปราก สามารถเดินทางโดยจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน Austrian Airlines บินไปลงกรุงปรากได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงครึ่ง


กรุงปราก (Prague หรือ Praha)

กรุงปรากได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในโลก มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1,200,000 คน กรุงปรากเป็นเมืองที่งดงามสถาปัตยกรรมชั้นยอกของทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นโรมาเนสก์ (Romanesque) โกธิก (Gothic) เรอเนสซองส์ (Renaissance) บารอก (Baroque) และอาร์ตนูโว (Art Nouveau) บริเวณที่เป็นเขตเมืองเก่าแก่ที่เป็นที่รวมสุดยอดศิลปกรรมอันเป็นหัวใจของปราก ได้แก่ ย่านปราสาท (Castle District), Little Quarter หรือ Lesser Town ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำวัลตาวา ย่านเมืองเก่า (Old Town) และจัตุรัสเวนเซสลาส (Wenceslas Square) รวมถึงสะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) ที่มีอายุมากกว่า 600 ปี


ปราสาทปราก (Prague Castle)

ปราสาทปรากเป็นสถานที่สำคัญที่สุดในสาธารณรัฐเชค เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศที่ชาวเชครักและภาคภูมิใจ


ปราสาทปรากเริ่มสร้างในศตวรรษที่ 9 ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้าง เช่น พระราชวัง โบสถ์ สวนหย่อม พิพิธภัณฑ์ที่เป็นเสมือนมรดกทางวันฒนธรรมของศิลปะยุคสมัยต่างๆ รวมไว้ด้วยกัน โดยช่วงระยะเวลาหนึ่งที่นี่ได้กลายไปเป็นพระราชวังของราชวงศ์ ปัจจุบันปราสาทปรากได้กลายมาเป็นสถานที่ทำงานของประธานาธิบดี



ปราสาทปราก (Prague Castle)


มหาวิหารเซนต์วิตัส (St. Vitus Cathedral)

ตั้งอยู่ในย่านปราสาทปราก สร้างในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 14 โดยมีสถาปนิกเอกชาวฝรั่งเศส Matthias of Arras ชาวสเวเบีย (Swabian) เป็นผู้ออกแบบและควบคุมดูแลคนต่อมา มหาวิหารสไตล์โกธิกแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมหาวิหารที่มีความประณีตงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่ประตูแกะสลักลวดลายตระการตา กระจกสีสเตนกลาสบานสูงที่ประดับรอบวิหารล้วนยิ่งขับให้มหาวิหารแห่งนี้ดูโดดเด่น



เซนต์วิตัส มหาวิหารสไตล์โกธิกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก



หน้าต่างของมหาวิหารเซนต์วิตัสทำจากกระจกสีสเตนกลาส


เปิดให้ชมฟรีทุกวัน เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 09.00 - 16.00 น. ในวันจันทร์ – เสาร์ และ 12.00 – 16.00 น. ในวันอาทิตย์ ส่วนเดือนมีนาคม – ตุลาคม เปิดเวลา 09.00 – 17.00 น. ในวันจันทร์ – เสาร์ และ 12.00 – 17.00 น. ในวันอาทิตย์


โบสถ์เซนต์เวนเซสลาส (St. Wenceslas Chapel)

โบสถ์เซนต์เวนเซสลาสเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารเซนต์วิตัส ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะในแบบโกธิก ภายในได้รับการตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกและอัญมณีทีค่ากว่า 1,345 ชิ้น นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บพระศพของบรรดากษัตริย์ ในอดีต



ภายในของโบสถ์เซนต์เวนเซสลาส


พระราชวังเก่า (Old Royal Palace)

เป็นอาคารที่ต่อเนื่องมาจากโบสถ์เซนต์วิตัสสร้างขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 9 เพื่อเป็นที่ประทับของราชวงศ์ โดยภายในแบ่งออกเป็นหลายส่วนและหลายชั้น ที่ไม่ควรพลาดเข้าไปเยี่ยมชมคือบริเวณ Vladislav Hall ที่ก่อสร้างด้วยศิลปะของยุคโกธิกที่มีเพดานเป็นลายดอกไม้และกระจกบานสูงแสนงดงาม



Vladislav Hall เพดานลายดอกไม้ศิลปะของยุคโกธิก

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เดือนเมษายน – ตุลาคม เปิดเวลา 09.00 – 17.00 น. และเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เปิดเวลา 09.00 – 16.00 น.


โบสถ์เซนต์จอร์จและคอนแวนต์ (St. George’s Basilica and Convent)

ตัวอาคารเริ่มสร้างขึ้นในปีค.ศ. 920 โดยเจ้าชายวราติสลาฟที่ 1 (Vratislav I) ตัวโบสถ์ด้านนอกเป็นศิลปะสไตล์บารอก แต่ภายในกลับตกแต่งด้วยด้วยสไตล์โรมาเนสก์ที่ให้บรรยากาศเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน โบสถ์เซนต์จอร์จ (St. George’s Basilica) แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นส่วนของปราสาทปรากที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์เชค และในส่วนของเซนต์จอร์จคอนแวนต์ นั้นเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมผลงานสไตล์บารอกและเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Gallery in Prague)



โบสถ์เซนต์จอร์จ (St. George’s Basilica)


ถนนสายทองคำ หรือโกลเดนเลน (Golden Lane)

ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทปราก เป็นถนนสายเล็กๆ ที่ตั้งตามชื่อย่านที่ช่างทำทองเคยอาศัยในวริเวณนี้ช่วงศตวรรษที่ 17 โดยสองข้างทางบนถนนเต็มไปด้วยร้านขายของเล็กๆ สีสันสดใส เริ่มแรกนั้นถนนสายนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของทหารรักษาพระราชวังในสมัยพระเจ้ารูดอล์ฟที่ 2 (Rudolf II) จนกระทั่ง 100 ปีถัดมา ช่างทำทองได้ย้ายเข้ามาและเริ่มดัดแปลงเป็นร้านขายของและที่พักอาศัย ในช่วงศตวรรษที่ 19 พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นชุมชมแออัดที่อยู่อาศัยของพวกคนจน และเต็มไปด้วยอาชญากรรม จนช่วงปีค.ศ. 1950 เจ้าของบ้านที่แท้จริงจึงกลับมาบูรณะซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม ร้านค้าบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องแก้วโบฮีเมียน และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ



ร้านขายของย่านถนนสายทองคำ หรือ Golden Lane


กรุงปรากยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมายครับ โอกาสหน้าผมจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวอื่นๆ ให้รู้จักเพิ่มเติมครับ


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซย์ wikipedia

http://en.wikipedia.org/wiki/Prague_Castle

http://en.wikipedia.org/wiki/St._Vitus_Cathedral

http://en.wikipedia.org/wiki/St._George


และคู่มือนักเดินทางฉบับพกพา


____________________________________________


ตั๋วเครื่องบิน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=naenglencomputer
http://ryusky.exteen.com
http://gotoknow.org/blog/ryusky
http://learners.in.th/blog/ryusky
http://ryuskyt.blog.mthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น